เรื่องราวของไร่ดินดีใจและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ
July 9, 2013ผืนดินมีชีวิตที่ไร่ดินดีใจ
June 5, 2020เราเริ่มทำ ไร่ดินดีใจ ในปีที่ลูกเกิด จากเหตุผลส่วนตัวและไม่ค่อยส่วนตัวที่ว่า เริ่มท้อแท้กับการทำงานในระบบ ระบบที่เคยเชื่อมั่นว่า สามารถจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงสังคมได้
เราทำงาน NGO ในองค์กรทางด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเผยแพร่และส่งเสริมการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งของการทำงาน เราเริ่มตั้งคำถามว่า สิ่งที่เราทำนั้นไม่อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ นโยบายของรัฐที่มีต่อบางเรื่องก็ยังเหมือนเดิม ไม่ว่าเราจะพยายามลงแรงมากมายแค่ไหน เขื่อนยังคงสร้างต่อไป ยังมีการอพยพคนออกจากป่า คนที่ดูแลป่าแต่ถูกกล่าวหาว่าทำลาย สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ ผู้คนใช้ทรัพยากรและไม่ได้สนใจว่ามันมาจากไหน และทำลายสิ่งใดไปบ้าง เราเริ่มท้อแท้ และหมดหวังที่จะเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ยังมีความหวัง ที่จะเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง ด้วยตัวเอง
ในช่วงที่เริ่มตั้งคำถาม กับงานประจำที่ทำ ในฐานะที่คนนึงทำงานด้านสิ่งแวดล้อม(มูลนิธิฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ) และอีกคนทำสื่อทางเลือก(วารสารเกษตรกรรมธรรมชาติ) เมื่อเราสองคนเริ่มจะเป็นพ่อกับแม่ เรามาคิดกันว่า เราอยากให้เขามีชีวิตที่ดี นอกเมือง ที่ที่วิถีชีวิตไม่เร่งรีบ ที่ที่แม่ไม่ต้องประชุมตั้งแต่เช้า ยันค่ำ ไม่รู้ว่าเวลาพัก หรือเวลาทำงาน เพราะมันปนกันไปหมด จนในบางครั้งแทบไม่มีเทศกาลอะไรกับใครเขา
และความรู้จากการทำงานและการสัมภาษณ์ชาวบ้านมาเป็นเวลาสิบปีของพ่อ ที่เขียนเล่าให้กับผู้คนในเรื่องการใช้ชีวิต ด้วยความเชื่อมั่นอย่างบริสุทธิ์ใจจริงๆในสิ่งนี้
พอมีลูก คำถามที่ค้างคาใจคือ ความเชื่อนี้จะนำมาใช้ให้เป็นจริงกับชีวิตเราได้ไหม?
เรากลับไปที่บ้านเกิดของพ่อแม่ ที่ที่มีไร่ซึ่งปลูกพืชเชิงเดี่ยวกันจนเป็นวิถี ใช้สารเคมี ยาคุมหญ้าและยาฆ่าแมลง ในช่วงแรกที่ต้องฝืนกับกระแส ต้องต่อต้านความหวังดีที่เราไม่ได้ต้องการ และความห่วงใยที่อยากจะให้เราใช้สารเคมี ในปีแรกๆที่เราเริ่มทำเกษตรอินทรีย์ ซึ่งขอแบ่งพื้นที่เล็กๆจากแม่ เพื่อทำไร่ในแบบของเรา และต้องฝืนกับแรงเสียดทานของความไม่เข้าใจในสิ่งที่เราทำ เมื่อสิบห้าปีก่อน ที่การทำเกษตรอินทรีย์ ยังไม่เป็นที่เข้าใจในวงกว้างเหมือนในปัจจุบัน ตอนนั้น เราเริ่มต้นทำไร่และตั้งชื่อไร่เล็กๆของเราว่า บ้านไร่สุขใจ
ในช่วงแรกๆที่เริ่มทำไร่ เราสองคนยังคงรับงานทำสื่อ ให้กับองค์กรทางด้านสิ่งแวดล้อม เป็นงานที่รับเพื่อให้ยังมีรายได้ ในช่วงที่อาชีพเกษตรยังไม่สามารถแปรเปลี่ยนมาเป็นรายได้ ทำให้ต้องเดินทางไปๆมาๆกรุงเทพ ครั้งหนึ่งหลังจากทำงานกลับมา พบว่าต้นไม้เล็กๆที่ปลูกไว้ถูกไถทิ้ง มีรอยฉีดยาคุมหญ้าลามเข้ามาในพื้นที่ส่วนที่เราขอกันไว้เพื่อทำเกษตรอินทรีย์
ครั้งนั้นต้องตัดสินใจว่า จะหันกลับไปทำงานแบบเดิม หรือหาที่ดินแปลงอื่นทำในสิ่งที่เป็นความฝัน เพราะไม่สามารถสู้กับแรงเสียดทานได้ ในวันนั้นเราเดินดูไร่ ดูต้นไม้ที่ปลูกไว้ บางต้นรอด บางต้นตาย ถั่วเขียวที่ปลูกไว้ใบพรุนด้วยหนอนกิน แต่ผืนดินกลับดูอุดม ฝูงผึ้งบินมาตอมต้นงาที่กำลังออกดอก วัชพืช พันธุ์ไม้เก่าๆที่เคยหายหลายไปหลายชนิดกลับมา แมลงในไร่ของเรามีความหลากหลายขึ้นกว่าครั้งที่เคยมีการใช้สารเคมี ทำให้มาคิดได้ว่า ถึงแม้ชีวิตจะไม่ได้เป็นอย่างที่ฝัน มีอุปสรรคมากมาย ดูยากเย็นที่จะไปให้ถึง แต่ถึงอย่างไร … ผืนดินก็ดีใจ ที่เราทำเกษตรอินทรีย์
ในวันนั้นเรามาคุยกันว่า จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ตั้งใจว่า ถึงแม้ชีวิตจะไม่ได้สุข อย่างที่หวัง แต่ผืนดินก็ยังดีใจ เราเลยตกลงกันว่าจะเปลี่ยนชื่อไร่ เป็นไร่ดินดีใจ ด้วยเหตุผลที่ว่า แม้คนจะไม่ได้สุขใจ (ตลอดเวลา) แต่ผืนดินก็ยังดีใจ
ขอบคุณภาพจากนิตยสารสานแสงอรุณ ฉบับความฝันออกเดินทาง(ไม่โรแมนติก) ถ่ายโดยเดชา เข็มทอง
ติดตามอ่านกันต่อได้ในหน้าเพจ raidindeejai #raidindeejaistory หรืออ่านบทความเก่าๆได้ที่นี่ นะคะ