เรื่องเล่าของไร่ดินดีใจ ตอนที่ 1 raidindeejai story ep1
May 16, 2020เรื่องของตัวเลขที่ขวดพลาสติกและการรีไซเคิล
December 16, 2020วัชพืชแต่ละชนิดล้วนมีหน้าที่ต่อผืนดินนั้น
เขียนเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน
ในไร่ของเรา ดินได้รับการปรับปรุงมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว ด้วยความเชื่อที่ว่า ดินสามารถฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ได้ด้วยตัวมันเอง เราจึงใช้เทคนิคหลายๆแบบตามความเข้าใจและความเชื่อมั่นในแบบของเราเพื่อฟื้นฟูดิน และนี่เป็นเรื่องราวของการฟื้นฟูดิน ในแบบของไร่ดินดีใจ
เราเพาะปลูกด้วยวิธีการเกษตรอินทรีย์ โดยที่ยังมีการไถพรวน แต่พยายามใช้เครื่องจักรขนาดเล็ก และไถพรวนให้น้อยครั้งที่สุด เท่าที่ทำได้
เกษตรกรทุกๆคนต้องการดินที่อุดมสมบูรณ์ ฟูนุ่ม ใช้วิธีการใส่ปุ๋ยและไถพรวน แต่การใส่ปุ๋ยเคมีนอกจากจะเป็นการลดความอุดมสมบูรณ์ของดินแล้ว ยังทำให้เม็ดดินแข็งและจับตัวกัน อนุภาคของดินที่ใช้ปุ๋ยเคมีมายาวนานจะเกาะตัวกันแน่นเพราะไม่มีอินทรีย์วัตถุแทรกอยู่ระหว่างอนุภาคดิน
การไถพรวนโดยใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่และการใช้ผานไถ ทำให้ดินชั้นล่างอัดตัวกันแน่น รากพืชไม่สามารถชอนไชไปได้ลึก ดินที่ผ่านการไถพรวนด้วยเครื่องจักรขนาดใหญ่และทำเกษตรแบบเคมีมายาวนานจึงแน่นแข็ง และเป็นชั้นดานอยู่ด้านล่าง
แต่วิธีการแบบที่เราใช้นั้นต่างออกไป ถ้าโจทย์ของเกษตรกรคือดินที่อุดมสมบูรณ์ ฟูนุ่ม พืชสามารถได้รับสารอาหารจากดินอย่างเพียงพอ รากสามารถหยั่งลึกลงไปในดิน หาอาหารและค้ำจุนลำต้นให้แข็งแรง สิ่งที่เราทำอยู่นี้เราคิดว่าสามารถตอบโจทย์นี้ได้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว
ตั้งแต่ปีแรกๆที่ทำเกษตรอินทรีย์ เราเริ่มต้นทำเกษตรด้วยความตั้งใจดี คือการฟื้นฟูดินที่เสียหายหนักจากการทำเกษตรเคมี การใส่ปุ๋ยเคมี และใช้ยาคุมหญ้า
บนผืนดินของพ่อแม่ที่ทำเกษตรเชิงพาณิชย์มาอย่างยาวนาน ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สลับกับมันสำปะหลังและอ้อย ผืนดินที่เคยอุดม กลับแห้งแล้งเป็นฝุ่นผงจากการแผ้วถางและไถ ในฤดูแล้งที่สมพัด มันจะพัดเอาฝุ่นดินจากการไถฆ่าหญ้าเปิดหน้าดินที่ไม่มีอะไรปกคลุม จนเป็นฝุ่นฟุ้งขึ้นมา หายใจยังลำบาก นี่เป็นสภาพของพื้นที่ที่เราเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์เพื่อฟื้นฟูที่ดินผืนนี้
เราเริ่มต้นจากการหว่านถั่วเขียวเพื่อเป็นปุ๋ยพืชสดบำรุงดินสลับกับการปลูกงา หยุดวงจรของการใส่ปุ๋ยเคมีและยาคุมหญ้า และเริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์เมื่อ 15 ปีก่อน หลังการเก็บเกี่ยวต้นถั่วและงา จะถูกทิ้งไว้คลุมดิน เราพักผืนดินหลังการเก็บเกี่ยวไว้โดยไม่ไถ ปล่อยให้วัชพืชค่อยๆขึ้นปกคลุม เราพบว่าชนิดวัชพืชของเราค่อยๆเปลี่ยนไปตามสภาพของดิน นี่เป็นการเก็บข้อมูลเป็นเวลาสิบกว่าปี
ผืนดินที่แน่นแข็ง จะมีวัชพืชชนิดที่รากแข็งแรง ลำต้นเหนียวขึ้นปกคลุม อย่างไมยราพ หญ้าพันงูขาว และโคกกระสุนที่มีหนามแหลม รากที่แข็งแรงของมันจะช่วยหยั่งลงไปในดินและค่อยแทรกลงไปช่วยให้ดินร่วนซุยขึ้น เมื่อผืนดินดีขึ้นวัชพืชในบริเวณนั้นจะค่อยๆเปลี่ยนชนิดไป เราพบหญ้าหงอนไก่ ผักบุ้งยาง ที่มีลำต้นเป็นปล้องเก็บความชื้นได้ดีมากขึ้นในไร่ ในบางปีในช่วงปีแรกๆมีต้นไม้เล็กๆที่มีดอกเป็นรูประฆังคว่ำขึ้นอยู่มากมายในไร่ เราพบว่าเมล็ดของเขาสามารถนำไปบีบเอาน้ำมันมาใช้ได้ และให้สรรพคุณทางยาบางอย่าง เรายังเคยพบดอกไม้หน้าตาคล้ายกันนี้ที่อิตาลี ตอนไปเดินเล่นในสวนพฤกษศาสตร์ที่เมืองตูริน ทำให้ได้คิดว่าพืชพรรณบางชนิดคงเดินทางไปได้ไกลกว่าที่เราคิดมาก
ลุงจาคอปเกษตรกรไบโอไดนามิคส์ออสเตรเลียที่เคยมาเยี่ยมเราที่ไร่ เคยบอกไว้ว่า วัชพืชแต่ละชนิดล้วนมีหน้าที่ต่อผืนดินนั้น ในหลักการของเกษตรชีวพลวัตรหรือไบโอไดนามิคส์เชื่อว่า เมล็ดพันธุ์แต่ละชนิดที่ขึ้นบนผืนดิน จะนำเอาความอุดมสมบูรณ์มาสู่ผืนดินนั้น ถ้าผืนดินบริเวณนั้นขาดธาตุอาหารอะไร ต้นไม้ที่ขึ้นโดยเฉพาะวัชพืชเขาจะดึงเอาพลังและธาตุอาหารชนิดนั้นจากจักรวาลมาสู่ผืนดิน ในช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยวเขาจะเอาเมล็ดพืชหลากหลายชนิด โดยเฉพาะพืชตระกูลถั่วหว่านลงในดินเป็นปุ๋ยพืชสด ด้วยความเชื่อที่ว่า เมล็ดพืชแต่ละชนิดจะดึงดูดธาตุอาหารที่จำเป็นจากจักรวาลลงมาให้ผืนดิน ดังนั้นเราจึงเชื่อว่า ชนิดของวัชพืชที่เปลี่ยนไปในแต่ละปี บ่งบอกถึงความสมบูรณ์ของผืนดินนั้น
เมื่อวัชพืชแต่ละชนิดหยั่งรากลงไปในดิน มันไม่ใช่แค่การดูดกินธาตุอาหารอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ รากของมันยังทำหน้าที่ชอนไชลงไปในดิน และเมื่อลำต้นตายในฤดูแล้ง หรือยุบตัวลง รากที่อยู่ในดินก็จะตายด้วย กลายเป็นอินทรียวัตถุให้กับดินต่อไป ช่องว่างในดินที่เกิดขึ้นจากรากพืชที่ชอนไช จะพาอากาศ จุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตในดินลงไปลึกขึ้น และช่วยเพิ่มความร่วนซุยและความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน ทำให้ไม้ยืนต้นสามารถหยั่งรากลึกลงไปในผืนดิน รากฝอยเล็กๆสามารถดูดซึมน้ำและอาหารได้มากขึ้นในดินนั้น
หลังฤดูแล้ง เมื่อเริ่มฤดูกาลเพาะปลูก เมื่อฝนมา หน่ออ่อนๆของหญ้าหลายชนิดจะเริ่มขึ้น ในปีนี้หญ้าที่ขึ้นในดินมีหญ้าตีนติดลำต้นอ่อนขึ้นหลังฤดูแล้ง เมื่อเราตัดและพรวนลงดิน จะได้ปุ๋ยสดจากหญ้าชนิดนี้เยอะมาก และเมื่อถอนรากของเขาขึ้นมา มีดินร่วนๆอยู่ที่บริเวณราก ดินฟูนุ่ม ร่วนซุย เอามาปั้นไม่ติดมือ ดินของเราสมบูรณ์ขึ้นมากมายในปีที่ 15
ในปีท้ายๆ เราพบว่าในสวนส้มซ่าและมะกรูดของเรา เริ่มมีวัชพืชที่เราต้องการมากขึ้น อย่างฟ้าทะลายโจร ที่เมล็ดเล็กๆร่วงหล่น ไหลตามน้ำมาขึ้นอยู่รอบๆโคนต้นส้มซ่า ผักโขมที่เราไม่เคยต้องปลูกมันจะขึ้นให้เก็บกินได้ตลอด ตามโคนต้นไม้ร่มๆในสวน เป็นป่ากระชายของย่า ที่ดินก็ดำร่วนซุยเพราะไส้เดือนอยู่เยอะ เป็นปีที่เรามีความสุขกับผืนดินด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ โดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าหญ้าหรือยาคุมหญ้ามาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว ได้เห็นผลงานของการฟื้นฟูดินอย่างเป็นรูปธรรม ในแบบของไร่ดินดีใจ